วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

คำโพสต์ ที่ โดนว่ะ !!

"ความเชื่อใจ" ของ "มนุษย์" ก็เหมือนกับแก้ว 1 ใบ .. "พอแตก" แล้วเอากาวมาต่อใหม่ แต่ยังไงก็ไม่ดี "เหมือนเดิม"


เจอข้อความโดนๆให้ "กระทืบไล้ค์".. เจอคนทำร้ายจิตใจให้ "กระทืบมัน..

"ตีอะไร ไม่ต้องใช้แรง??" >> >> >> >> >> >> >> เฉลย..ก็"ตีสองหน้า"อย่างมึงไง เชี้ยย!!

"ไม่มีแฟน" ก็ ไม่เห็นตาย ... "เงิน" เหลือแดก มากมาย , ไม่ต้องเลี้ยงใคร > ให้เปลืองตังค์ ~,~

'ตอแหล' อย่าง > ลอยหน้า 'นินทา' อย่าง > ไร้เหตุผล 'จัญไร' อย่าง > ไม่ใช่คน ไม่น่าจะเกิดเป็น 'คน' เล้ย !!

"ความเหงา" ประกอบด้วย.. ~ อยู่คนเดียว 30% ~ บรรยากาศ 10% ~ ว่าง 10% ~ อีก 50% ของ "บางคน" คือ มีแฟนก็เหมือนไม่มี.. T^T


90 % ของผู้หญิง ชอบผู้ชายอารมณ์ดี 90 % ของผู้ชาย ชอบผู้หญิงมีอารมณ์!!

การกระทำย่อมสำคัญกว่า "คำพูด" แสดงออกว่า "รักที่สุด" ดีกว่า พูดไม่หยุดว่า.."สุดที่รัก"..

ต่อให้มีมือที่สาม....ก็ทำอะไรเราไม่ได้!! > ถ้าหากคนกลาง,ไม่เป็นใจ...ไปกับมัน!!

"การโกหกแฟน"...เมื่อตายไปจะตกนรก...แต่เมื่อพูดความจริง..จะตายในทันที!!!!”

กฎเหล็กของ " อินดี้ " คือ 1.ถ้ากูทำอะไรมึงห้ามมึงเข้าใจ ถ้ามึงเข้าใจ เค้าไม่เรียกว่า " อินดี้ " จบป๊ะสาดดด!!!!

กฎ ข้อ 2. ไม่รู้ว่ะ <------ อินดี้มะ สาดดด!!!!

ถ้าถามถึง " ความเชื่อใจ " ขอถามกลับหน่อยได้ไหม ? แล้วไหนล่ะความซื่อสัตย์.!!!

คนดีๆ .. มีอยู่ที่ไหน .. ไม่รู้ แต่คนเจ้าชู้ .. รู้ .. ที่ไหนก้อมี

บางทีก้อ " ท้อ " แต่ต้องบอก .. ว่าไม่เป็นไร ทั้งๆที่ข้างใน กูโคตร " น้อยใจ " มึงเลย..!!!

เป็น "โสด" โดยไม่รู้สาเหตุ ... ดีกว่าเป็น "เศษ" โดยไม่รู้เหตุผล (unknow)

<~ไม่ได้ต้องการ " คนที่ใช่ " แค่ต้องการ " คนที่เข้าใจ " และ " รับได้ " ในสิ่งที่ฉันเป็น ~*

คิด .. แต่ไม่คบ .. เสียเวลาคิด รัก .. แต่ไม่คิด .. เสียเวลาคบ (unknow)

เป็นผู้ชาย .. แค่ " เข้ม " อย่างเดียวไม่พอต้อง "แข็ง " ด้วย..!!! คุณถึงจะอยู่บนโลกใบนี้ได้..!!!

" เ ท อ เ ดิ น ผ่ า น " ยังไม่เสียใจเท่า " เ ท อ ม อ ง ผ่ า น " (คำคม คำคน)

ทุกครั้งที่คุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ทำให้เซลล์สมองเสื่อม “เหล้า! เลิกได้ โทรเลย 1413"// แล้วทำไมกูยิ่งกินหัวยิ่งปี้ดว่ะ

>>>ผู้หญิงบางคน ก้อคงเหมือน " โอเลี้ยง " ☑ หอม ☑ เข้ม ☑ แรง ☑ สะใจ เสียอย่างเดียว > "ไ ม่ มี น ม..!! "~*

คบกันแล้ว `ต่างคน `ต่างทน `ต่างคน `ต่างไม่เข้าใจ `ก้อควรที่จะ `ต่างคน `ต่างไป `เพราะมันก้อ `เสียใจ `ไม่ต่างกัน.!!

คนที่มี "ความสุขที่สุด" ไม่ใช่คนที่ "มีทุกอย่าง" ในชีวิต แต่ คือคนที่สามารถ "ทำทุกอย่าง" ในชีวิตให้ "ดีที่สุด"~*

ซื้อดอกไม้แพงไม่แพง " ไม่สำคัญ " ขอให้ .. หลังจากนั้นได้ " มันส์,, " เป็นพอ.. (18+)

ถ้าน้องอยากปี้..!! พี่ก้อพร้อมที่จะสู้..!! แต่ถ้าน้องจะอมจู๋..!! ก้อต้องรอให้พี่ปี้..!!! (18+)

>>>" ท้อแท้ได้แต่อย่าท้อถอย " >>>" อิจฉาได้แต่อย่าริษยา " >>>" พักได้แต่อย่าหยุด "

" แสงโสม " อาจทำให้ "คนกลายเป็นผี " .. แต่ " แสงสี " ทำให้ " ผีกลายเป็นคน

กฏของกระจก คือ การสะท้อนกลับมา กฏของเวลา คือ ไม่มีวัน.!! ย้อนกลับไป

แฟนเก่า คืออดีต , แฟนใหม่ คืออนาคต , แฟนไม่มี คือปัจจุบัน (Unknow)

เวลาที่ .."ใครบางคน" เงียบหายไป สิ่งที่คิดอยู่ในใจคือ .. เค้าหายไปไหน,ไปทำอะไรน๊า ? (unknow)

ถึงจะไม่เก่ง " คณิตศาสตร์ " แต่ก้อ คำนวณไม่พลาดว่า " รักเราไม่เท่ากัน "

ดื่มโค้กชอบเด้า..ดื่มเหล้าชอบเลีย..ดื่มเบียร์ชอบอม..ดื่มนมชอบบีบ..ดื่มเป๊บซี่ชอบไซ้..ดื่มสไปส์ชอบร้อง..ดื่มสองต่อสองมึงท้อง..แน่ๆ

ชีวิตกู "เกือบพัง" เพราะกู "หวังไว้มากกับมึง" ตอนนี้กู "พึ่งซึ้ง" คำว่า "รักจริงๆของมึง" .. มั น ไ ม่ เ ค ย มี ..!!!


ที่เล่น " Facebook " เพราะต้องการ " ความสนุกสนาน " ไม่ต้องมาชวนกู "ทำงาน "เพราะฐานะทางบ้าน " กูค่อนข้างจะรวย "

" แฟน " มองตาก้อรู้ใจ " เพื่อน " ตบไหล่ก้อรู้กัน

"หน้าตา" อาจจะดูไม่ ''คม'' แต่เรื่อง "ดูด" เรื่อง "อม" กู "อารมณ์" สุดยอด (18+)

จริงมั้ย ? ส่วนใหญ่ มักจะน้อยใจที่ แฟนให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่า!จนบางครั้งเรายังอยากจะลองไป "เป็นเพื่อนแทน"

«~"ความหล่อ" และ "ความสวย" มันอาจจะดู "มีค่า"..แต่ มันเป็นเพียงแค่ "สิ่งลวงตา" .. เพราะ มันไม่ใช่ เกณฑ์วัด "ค่าของคน"~»

คำว่ารักมึงยังมีให้กูอยู่หรือเปล่ากูไม่รู้ แต่ที่เห็นและเป็นอยู่มีแต่ความว่างเปล่า คำว่ารักที่เคยกล่าวลืมไปหรือเปล่าว่า"เรารักกัน"

เราจะเห็นค่าของ " ความอบอุ่น " ก้อต่อเมื่อเราผ่าน " ความเหน็บหนาว " นั้นมาแล้ว

ความรู้สึกเวลาที่ " นอนหนุนตักแฟน " ต่อให้ " หมอน " แสนแพง ก้อใช่ว่าจะแทนกันได้ !!!

คนที่เสือก ก็เรียกว่า "สายเรียกซ้อน"

เป็น " โสด " ไม่ได้หมายความว่า .. คุณ " อ่อนแอ " แต่มันหมายความว่า .. คุณ " เข้มแข็ง " พอที่จะ " รอ " ในสิ่งที่คุณคู่ควรต่างหาก

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

2 การสะท้อนของแสง

เนื่องจากแสงเป็นคลื่น ดังนั้น การสะท้อนของแสงจะเป็นไปตามกฏเกณฑ์การ สะท้อนซึ่งมีสารสำคัญดังนี้

· รังสีตกกระทบ รังสีสะท้อน และเส้นแนวตั้งฉากต้องอยู่ในระนาบเดียวกัน
· มุมตกกระทบ(qi ) เท่ากับมุมสะท้อน (qr ) ณ ตำแหน่งที่แสงตกกระทบ
รังสีสะท้อนจะมีความเป็นระเบียบถ้าระนาบการสะท้อนเป็นผิวเรียบ (รูป 2)รังสีสะท้อนจะไม่เป็นระเบียบถ้าระนาบมีผิวขรุขระ(รูป 3)







วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

สารคดีภูสอยดาว

ภูสอยดาว ทุ่งดอกไม้แสนสวยยามฤดูฝน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวกันมากเป็นสถานที่ที่โด่งดังทั่วประเทศ ภูสอยดาวเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่เดิมเป็นวนอุทยานภูสอยดาว จัดตั้งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2533 โดยครอบคลุมพื้นที่ 48,962 ไร่ ในท้องที่อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ต่อมาส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้สำรวจพื้นที่ป่าเพิ่มเติมท้องที่อำเภอบ้านโคก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อปี 2537 โดยครอบคลุมพื้นที่ 125,110 ไร่ หรือ 199 ตารางกิโลเมตร เพื่อจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว


ภูสอยดาวมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำปาด มีเทือกเขาภูสอยดาวทอดตัวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว ยอดภูสอยดาวมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ( อยู่ในเขตประเทศลาว ) สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยชนิดของป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง จึงทำให้มีลักษณะภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี ( ภูสอยดาวในเขตไทย หมายถึงลานสนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูสอยดาว อยู่ที่ระดับความสูง 1,633 เมตร )ลักษณะภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส

เริ่มเดินขึ้นสู่ภูสอยดาว ช่วงแรกเดินเลาะไปตามลำธาร ผ่านน้ำตกหลายชั้น เส้นทางร่มเดินสบาย ( เส้นสีเหลือที่คู่ไปกับสีน้ำเงิน ) เมื่อสุดเส้นทางเลาะลำธารก็ตัดขึ้นสันเขา ( ช่วงที่สีเหลืองแยกจากเส้นสีน้ำเงิน ) ช่วงนี้ชันหน่อยพอขึ้นถึงสันเขาก็จะเป็นทางลาดขึ้นทีละน้อย ตามในภาพ เมื่อเส้นสีเหลืองยกระดับขึ้นยอดเขาก็ชันหน่อย ช่วงสุดท้ายชันไม่หน่อยแล้ว ชันมากเลย แต่เมื่อเดินพ้นขึ้นไปถึงที่ราบโล่งบนลานสนก็จะประทับใจหายเหนื่อย

แต่ก่อนนั้นเคยมีคนเปรียบเทียบภูสอยดาวเป็นภูกระดึง2 ทั้งนี้เพราะว่าสภาพพื้นที่และป่าสนที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่สิ่งที่ภูสอยดาวต่างกับภูกระดึงและเด่นกว่าคือสภาพป่าสนที่เป็นเนินสลับซับซ้อนให้บรรยากาศของการเดินเที่ยวบนภูได้มากกว่า อีกทั้งระยะทางการเดินเที่ยวบนภูยังไม่ไกล สามารถเดินชมโดยรอบเพียงวันเดียว แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ บนภูอยู่ไม่ไกลกันไม่ว่าจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกซึ่งอยู่ห่างจุดตั้งแคมป์เพียง 10 นาที จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ห่างเพียง 30 นาทีโดยประมาณ ทุ่งดอกไม้มีอยู่ทั่วไปบนภูและมีมากที่สุดบริเวณจุดกางเต็นท์ ทุ่งดอกไม้บนภูมีหลายชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกดอกให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชื่นชมตลอดฤดูฝนจนถึงช่วงต่อฤดูหนาว

สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

1. น้ำตกภูสอยดาว
มีความสูง 5 ชั้น มีน้ำไหลตลอดทั้งปี น้ำตกอยู่ริมถนนลาดยางหมายเลข 1268 ข้างๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดรวมพลก่อนเดินขึ้นสู่ภูสอยดาว เป็นทางผ่านของเส้นทางเดินขึ้นภูสอยดาว หากท่านใดไม่สะดวกขึ้นไปชมความงามบนภูก็สามารถแวะชมน้ำตก ลงเล่นน้ำได้ตามสะดวกสบาย



2. ลานสนภูสอยดาว จากภาพด้านล่างนี้คือ ภูสอยดาว เทือกเขาสูงนั่นคือ ภูสอยดาว จุดสูงสุดคือ 2,035 เมตร ณ ที่จุดสูงสุดคือ เสาหลักเขตประเทศไทย-ลาว เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ได้ขึ้นไปเที่ยวกัน ภูสอยดาวที่คนเขาพูดกันว่ามีทุ่งดอกไม้สวยคือ ลานสนภูสอยดาว นั่นก็คือที่ราบบนภูที่เป็นทุ่งกว้างมีต้นสนสามใบขึ้นอยู่จำนวนมาก ที่พื้นเป็นทุ่งหญ้าที่จะออกดอกสวยงามในช่วงฤดูฝนจนถึงปลายฤดูฝน หากดูในภาพแล้วก็คือพื้นที่ราบที่เห็นอยู่นี่แหล่ะ ที่ราบ หรือ ลานสนภูสอยดาวนี้อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,600 เมตร และมีจุดสูงสุดอยู่บริเวณจุดชมวิวด้านทิศเหนือด้วยระดับความสูง 1,633 เมตร ถึงแม้จะดูไม่สูงมากแต่ก็สูงกว่าภูกระดึงที่สูงเพียง 1,280 เมตร บริเวณลานสนมีที่ราบที่กว้างเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ บริเวณกลางพื้นที่มีลำธารไหลผ่านเหมาะสำหรับตั้งแค้มป์พักแรมเป็นอย่างยิ่ง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและลานกางเต็นท์ก็อยู่ที่ลานสนนี้ ลักษณะโดยทั่วไปของลานสนเป็นพื้นที่ราบสลับเนินเตี้ย ทั่วทั้งพื้นที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าและป่าสนที่มีลักษณะเป็นป่าโปร่งเหมาะสำหรับเดินเที่ยว พื้นที่บนยอดภูไม่กว้างใหญ่เหมือนกับภูกระดึงจึงทำให้เดินชมบรรยากาศบนยอดภูได้อย่างสบายๆ ไม่เหนื่อยมาก ตลอดเส้นทางมีดอกไม้ในทุ่งหญ้าออกดอกให้ชมอย่างสวยงาม
การเดินทางขึ้นไปชมลานสนภูสอยดาวต้องเดินขึ้นไป ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร



3. พิชิตยอดภูสอยดาว ยอดแหลมๆ ด้านซ้ายจากภาพข้างบน นั่นคือจุดสูงสุดภูสอยดาว ความสูง 2,035 เมตร เป็นที่ตั้งหลักเขตไทย-ลาว เส้นทางขึ้นยอดภูสอยดาวเป็นเส้นทางที่ชันมาก ช่วงแรกไต่ระดับขึ้นเนินแรก ช่วงกลางเป็นทางราบขึ้นเนินลงเนิน ช่วงสุดท้ายชันแบบตะกายฟ้า จากจุดกางเต็นท์ที่ลานสนขึ้นยอดภูสอยดาวใช้เวลาเดินทางไป-กลับ 1 วันเต็ม เมื่อขึ้นไปถึงยอดดอยจะมีหน้าผาชันชื่อผาอินทรีย์ เป็นจุดชมวิวเมื่อมองลงมาจะเห็นพื้นที่ราบลานสนได้ชัดเจน ทัวร์ดอยได้พานักท่องเที่ยวขึ้นไปเป็นคณะแรกเมื่อปี 2546 นักท่องเที่ยวที่ขึ้นสู่ยอดภูสอยดาวได้คนแรกคือ น้องไบท์ อายุ 13 ปี รูปน้องไบท์บนยอดภูสอยดาว หลักเขตไทย-ลาว บนยอดภูสอยดาว เส้นทางขึ้นภูสอยดาวสุดชัน ภาพคุณนักท่องเที่ยวทัวร์ดอยบนยอดภูสอยดาว วิวลานสนมองจากผาอินทรีย์บนยอดภูสอยดาว

4. ทุ่งดอกไม้ บนลานสนบนภูสอยดาวอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทุ่งดอกไม้ป่ามากมายหลายชนิดผลัดกันออกดอกหมุนเวียนไปตามช่วงฤดูกาล ที่ขึ้นชื่อมากของที่นี่คือดอกหงอนนาค ดอกมีสีม่วงอ่อน ที่นี่เป็นทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ถึง 4,000 ไร่ ดอกหงอนนาคจะทยอยออกดอกประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน เมื่อดอกหงอนนาคโรยไปก็จะมีดอกกุงผลิบานขึ้นมาทดแทน ดอกกุงเป็นดอกสีเหลืองเต็มทุ่งหญ้า จะออกดอกในช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม นอกจากนี้ยังมีดอกไม้อื่นๆ มีมากมายหลายชนิด พันธ์ไม้ที่มีคุณค่าและหายากในแหล่งอื่นแต่หาชมได้ที่นี่คือ รองเท้านารีอินทนนท์ จะออกดอกประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี





5. น้ำตกบนภู
พื้นที่ทุ่งดอกไม้บนภูสอยดาวเป็นพื้นที่รองรับน้ำฝนที่มีพื้นที่กว้างกว่า 4,000 ไร่ เมื่อฝนตกลงมาก็จะขังอยู่ตามทุ่งหญ้าแล้วไหลลงสู่ลำธารเล็กๆ บนภูซึ่งมีอยู่หลายสายจากนั้นก็ไหลลงสู่พื้นที่ต่ำทำให้เกิดน้ำตกหลายสาย ได้แก่ น้ำตกสายทิพย์ น้ำตกผาชัน น้ำตกมอส อยู่ละจุดอยู่คนละมุมของภูสอยดาว สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ไม่ยาก จุดเด่นของน้ำตกบนภูสอยดาวคือความเขียวสดของมอสที่เกาะอยู่ตามหินบริเวณน้ำตกดูเป็นธรรมชาติและสดชื่นมาก

อุยานแห่งชาติภูสอยดาวแห่งนี้ ถ้าใครได้มาถือว่าเป็นการผจญภัยและพิชิตความหนาวและความสวยงามก็ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน